ใครว่าการติดกล้องติดรถยนต์ไม่จำเป็น? เพราะนี่คือ “อุปกรณ์ความปลอดภัย” ที่ทุกคนควรมี ไม่ว่าจะขับรถไปไหนก็มีแต่ความไม่แน่นอน จึงต้องมีหลักฐานจากกล้องรถยนต์เพื่อยืนยันความจริงเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่แค่กล้องชัดคงไม่พอต้องมีฟังก์ชัน GPS/Wi-Fi เสริมความแม่นยำเข้าไปด้วย แต่จะจำเป็นต้องมีจริงหรือเปล่า? มาหาคำตอบกับ 5 เหตุผลที่ทำไมกล้องบันทึกรถยนต์ต้องใช้แบบมี GPS/Wi-Fi ถึงจะดีที่สุด!

5 เหตุผลที่กล้องติดรถยนต์ยุคใหม่ต้องมี GPS/Wi-Fi
ยุคนี้ความรวดเร็วต้องมาเป็นอันดับแรก! ทุกอย่างจึงต้องเชื่อมต่อกันได้เพียงปลายนิ้ว มาดูไปพร้อมกันเลยว่าทำไมกล้องรถยนต์ที่ดูผ่านมือถือได้ และมี GPS/Wi-Fi ถึงสำคัญกว่าที่คิด
1. หลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ (Irrefutable Evidence)
หลายคนอาจคิดว่าหลักฐานมีแค่วิดีโอก็เพียงพอแล้ว แต่ในสถานการณ์จริงโดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือถ้าแย่กว่าจนถึงขั้นเป็นคดีความ การมีเพียงวิดีโออย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ได้อย่างชัดเจน แต่ถ้ากล้องบันทึกรถยนต์มีฟังก์ชัน GPS ด้วยก็จะบันทึกพิกัดและความเร็วของรถในขณะเกิดเหตุรวมด้วย ทำให้รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน เวลาใด และขับด้วยความเร็วเท่าไร
ประโยชน์ของระบบ GPS ในกล้องติดรถยนต์ยังมีเรื่องที่สามารถระบุพิกัดละติจูดและลองจิจูดของเหตุการณ์ไว้ในไฟล์วิดีโอได้ อีกทั้งยังบันทึกความเร็วรถได้อย่างละเอียด ซึ่งสามารถใช้ยืนยันได้ว่าคุณไม่ได้ขับเร็วเกินกำหนดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งหมดจะเป็นหลักฐานที่สมบูรณ์และหนักแน่น ไม่มีช่องโหว่ให้คู่กรณีหรือบริษัทประกันปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย
2. ดึงไฟล์วิดีโอได้อย่างรวดเร็ว (Instant File Access)
ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุจะดูภาพจากกล้องบันทึกรถยนต์ยังไง? ถอด SD Card หรือหาโน้ตบุ๊กเพื่อเปิดไฟล์เหรอ? ซึ่งโอกาสมีน้อยมากที่คุณจะพกโน้ตบุ๊กไปไหนต่อไหนตลอด แต่ถ้ามีฟังก์ชัน Wi-Fi คงง่ายขึ้นแน่นอนเพราะภาพในกล้องรถยนต์ดูผ่านมือถือได้เลยทันที
เห็นได้ชัดว่าฟังก์ชัน Wi-Fi บนกล้องรถยนต์จะมอบความสะดวกสบายในการดูวิดีโอผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ถ่ายโอน หรือแชร์ไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงได้ในไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเลย ทำให้ประหยัดเวลาในการใช้งานได้อย่างมาก แถมลดความเสี่ยงที่ SD Card จะเสียหายหรือหายไปได้อีกด้วย
3. ตั้งค่าก็ง่าย ดูวิดีโอสดก็ได้ (Easy Setup and Live View)
การตั้งค่าเป็นเรื่องง่ายๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม ยิ่งถ้าตั้งค่ามุมกล้องผิดองศาไปแค่นิดเดียวแล้วละก็ อาจทำให้พลาดหลักฐานหรือเหตุการณ์สำคัญได้เลย แต่ถ้ากล้องรถยนต์ดูผ่านมือถือได้แบบเรียลไทม์การปรับมุมกล้องให้เข้าที่เข้าทางคงจะไม่ยากอีกต่อไป ซึ่งคุณก็จะมั่นใจได้ว่ากล้องจะบันทึกภาพในมุมที่ดีที่สุดตลอดเวลาโดยไม่พลาดทุกวินาทีสำคัญของการขับขี่
นอกจากนี้แอปพลิเคชันยังช่วยให้การตั้งค่าต่างๆ เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเปลี่ยนความละเอียด ปรับโหมดจอดรถ หรือเปิด/ปิดระบบ G-Sensor ได้โดยไม่ต้องกดปุ่มเล็กๆ บนตัวกล้องแบบเดิม

4. ตรงเวลาและปลอดภัยยิ่งขึ้น (Accurate Time Synchronization & Safety)
กล้องบันทึกรถยนต์ที่มี GPS ไม่ได้มีดีแค่บอกตำแหน่ง แต่ยังช่วยบันทึกเวลาได้แบบเที่ยงตรงตามเวลาสากล โดยไม่ต้องคอยตั้งเวลาด้วยมือให้วุ่นวายอีกต่อไป แน่นอนว่าเมื่อกล้องทำงานก็จะติดวันเวลาอย่างแม่นยำลงบนทุกวิดีโอ จึงมั่นใจได้ว่าเวลาในหลักฐานจะไม่คลาดเคลื่อนหรือผิดเพี้ยนไป ซึ่งจะกลายเป็นหลักฐานที่สามารถนำไปใช้งานทางกฎหมายและกับบริษัทประกันได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ GPS ยังช่วยให้ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) เช่น ระบบเตือนออกนอกเลน หรือเตือนการชนด้านหน้าทำงานได้แม่นยำขึ้น
5. การแจ้งเตือนสุดอัจฉริยะและดูรถได้ทุกที่ (Smart Alerts & Remote Monitoring)
ฟังก์ชันที่ถูกพัฒนาขึ้นให้กล้องติดรถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่น โดยเฉพาะกล้องบันทึกหน้าหลังรถยนต์ระดับพรีเมียมจะมีฟังก์ชัน Cloud และการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ผ่านมือถือ ซึ่งตอบโจทย์คนที่ต้องการความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้หากเกิดเหตุการณ์รถถูกชนหรือมีการสั่นสะเทือนในโหมดจอด กล้องจะส่งการแจ้งเตือนไปยังมือถือในทันทีและสามารถดูตำแหน่งปัจจุบันของรถแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันได้อีกด้วย กลายเป็นความอุ่นใจขั้นสุดที่ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็สามารถรับรู้ทุกเหตุการณ์ของรถสุดรักได้ตลอดเวลา
วิธีเลือกกล้องหน้ารถยนต์อย่างไรดีให้เหมาะสม
5 เหตุผลที่ผ่านมาคงจะทำให้หลายคนเห็นถึงความสำคัญของการมีกล้องติดรถยนต์ที่มาพร้อมฟังก์ชัน GPS/Wi-Fi แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็มาศึกษาวิธีเลือกกล้องรถยนต์ที่เหมาะกับความต้องการในการใช้งานดีกว่า เพราะกล้องแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่ต่างกัน
- เลือกความละเอียดภาพสูง โดยอย่างน้อยควรเป็นความชัดระดับ Full HD ขึ้นไป หรือถ้ามีงบประมาณเพียงพอก็เลือกเป็นความละเอียด 2K หรือ 4K จะดีที่สุด เช่น 70mai A810 หรือ VIOFO A229 ที่ให้ภาพชัดแม้ในที่แสงน้อย
- เลือกกล้องบันทึกรถยนต์ที่มีระบบ GPS/Wi-Fi ในตัว เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อมือถือได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเพิ่มอีก ซึ่งถ้าเลือกรุ่นที่มีฟังก์ชัน Cloud ด้วยจะดีมาก
- เลือกมุมมองเลนส์กว้าง เพราะหากกล้องติดรถยนต์มีมุมกล้องประมาณ 140-170 องศาจะช่วยเก็บภาพรอบข้างถนนได้อย่างครบถ้วน เหมาะกับการบันทึกเหตุการณ์มุมกว้างที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณรอบๆ
- เลือกแบบกล้องบันทึกหน้าหลังรถยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างรอบด้านทั้งด้านหน้าและหลัง
- มีระบบจอดรถอัจฉริยะ เพราะเมื่อคุณไปจอดรถในที่สาธารณะบ่อย รุ่นที่มี Parking Mode และ G-Sensor จะช่วยบันทึกภาพอัตโนมัติเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนที่สามารถบันทึกได้ทุกเหตุการณ์ถึงแม้คุณจะไม่ได้ใช้รถอยู่ก็ตาม
- มีแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย ทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หากในแอปฯ มีฟังก์ชัน Live View หรือดาวน์โหลดวิดีโอได้ง่ายด้วยในการใช้ก็จะไม่ยุ่งยากแล้ว

สรุป
ทุกการเดินทางบนท้องถนนมีค่ามากไม่ว่าจะขับไปใกล้หรือไกล กล้องติดรถยนต์ที่มี GPS/Wi-Fi จึงกลายเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับความปลอดภัยให้บันทึกทุกเหตุการณ์ได้ครบถ้วนแบบไม่มีพลาดสักวินาที สามารถย้อนรอยเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างแม่นยำอยู่ตลอดเวลาและกลายเป็นหลักฐานที่สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกอุ่นใจกับการลงทุนครั้งนี้ในทุกครั้งที่ออกเดินทาง
FAQ เกี่ยวกับกล้องติดรถยนต์
กล้องติดรถยนต์ที่มี GPS/Wi-Fi ใช้ยากไหม?
ปัจจุบันบริษัทได้ออกแบบกล้องติดรถยนต์ให้ใช้งานง่ายมากขึ้น เพราะแค่เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนมือถือและกดเชื่อมต่อกับกล้องผ่านระบบ Wi-Fi ก็สามารถใช้งานดูภาพสด ดาวน์โหลดวิดีโอ หรือปรับการตั้งค่าต่างๆ ก็ง่ายมาก ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ทุกเพศทุกวัยแม้จะไม่ถนัดเทคโนโลยีก็ตาม
กล้องรถยนต์ดูผ่านมือถือได้ปลอดภัยไหม? ข้อมูลจะรั่วไหลหรือเปล่า?
ไม่ต้องกังวลเพราะรับรองว่าข้อมูลทุกอย่างปลอดภัยแน่นอนหากเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานสูง เพราะกล้องเหล่านี้ใช้การเข้ารหัสข้อมูลเพื่อป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก สำหรับแอปพลิเคชันส่วนใหญ่จะให้ผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านสำหรับเชื่อมต่อเองด้วย เพื่อให้การดูวิดีโอและโหลดไฟล์ปลอดภัยที่สุด
กล้องติดรถยนต์ที่มี Wi-Fi ต้องใช้อินเทอร์เน็ตไหม?
กล้องที่มี Wi-Fi เป็นเพียงการส่งสัญญาณเชื่อมต่อกันระหว่างกล้องติดรถยนต์กับมือถือโดยตรงเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตจากเครือข่ายมือถือเพื่อดูภาพสด ดาวน์โหลดวิดีโอ หรือเปลี่ยนการตั้งค่ากล้องได้ผ่านแอปพลิเคชันทันที
กล้องติดรถยนต์ที่ไม่มี GPS/Wi-Fi ยังน่าใช้อยู่ไหม?
หากใครสะดวกที่ยังใช้ในรูปแบบเดิมก็ยังสามารถใช้งานได้ดีถ้าต้องการเพียงบันทึกภาพทั่วไป แต่ถ้าต้องการหลักฐานที่แม่นยำ สามารถดูวิดีโอผ่านมือถือได้ทันที หรือมีระบบอัจฉริยะที่บันทึกได้ในขณะจอดรถ ฟังก์ชัน GPS/Wi-Fi ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี แถมยังช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยได้มากกว่าอีกด้วย
กล้องบันทึกรถยนต์ที่มี GPS จะกินพลังงานมากกว่าปกติไหม?
กล้องรุ่นใหม่ได้รับการออกแบบให้ประหยัดพลังงาน แม้จะเปิด GPS ตลอดเวลาก็ไม่กินพลังงานของระบบไฟรถยนต์มากเท่าไร ซึ่งหากติดตั้งอย่างถูกวิธีโดยช่างผู้ชำนาญ และใช้สายไฟที่มีมาตรฐานก็จะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องปลอดภัยแน่นอน

Ref.



